คืนนี้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่ต้องตกใจนะคะ ชนะการเลือกตั้ง ได้จำนวนที่นั่งอันดับหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งรัฐบาลสำเร็จเสมอไปค่ะ เพราะที่นี่ประเทศไทย อำนาจเป็นของประชาชนเฉพาะเวลาที่เขาอนุญาต
แม้ว่าตามกติกาแล้ว พรรคที่ได้จำนวนที่นั่งอันดับหนึ่งจะถือสิทธิ์ส่งนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาล แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็พิสูจน์แล้วว่า ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
ก่อนจะได้นายกฯ คนใหม่ เรามาย้อนดูกันค่ะว่า มีนายกฯ ไทยคนไหนไม่ได้มาจากพรรคอันดับหนึ่งบ้าง

ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช (พ.ศ. 2518)
คุณชายไม่ได้เขียนสี่แผ่นดินอย่างเดียวนะคะ แกเล่นการเมืองด้วย ในปี พ.ศ. 2518 หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์นำโดย ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช (ผู้พี่) ชนะเลือกตั้งได้จำนวนที่นั่งเป็นอันดับหนึ่งแต่จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ คุณชายคึกฤทธิ์ (ผู้น้อง) ก็หักเหลี่ยมชิงจัดตั้งรัฐบาลเอง
ตอนนั้นคุณชายเป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคมซึ่งได้เพียงแค่ 18 ที่นั่งเท่านั้น แต่ก็จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จด้วยการเจรจารวมเสียงกับอีก 8 พรรคจนได้ถึง 135 ที่นั่ง อย่างไรก็ดี รัฐบาลคุณชายนั้นอยู่ได้เพียงปีกว่าเท่านั้นก็ต้องยุบสภาไป เพราะไม่สามารถบริหารประเทศอย่างมีเสถียรภาพได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พ.ศ. 2551)
ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 พรรคที่ชนะเป็นอันดับหนึ่ง ได้ 233 ที่นั่งคือพรรคพลังประชาชน นำโดยสมัคร สุนทรเวช ในขณะที่อันดับสองคือพรรคประชาธิปัตย์ ได้จำนวน 165 ที่นั่ง นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่นิติสงครามที่นำไปสู่การตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนในปี พ.ศ. 2551 ทำให้เกิดการย้ายขั้วของพรรคการเมืองและ ส.ส. จำนวนมาก พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านตามคะแนนเสียงก็ดึงเอา ส.ส. จากพรรคต่างๆ และ ส.ส. ส่วนหนึ่งจากพรรคพลังประชาชนซึ่งถูกยุบมารวมกัน จนสามารถพลิกเกมกลับมาจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะสุดหล่อขวัญใจแม่ยกขึ้นนั่งเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ได้มาจากพรรคอันดับหนึ่ง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พ.ศ. 2557)
พลเอกประยุทธ์ขึ้นนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยแรกด้วยการทำรัฐประหาร แต่แม้ภายหลังจะเข้าสู่ระบอบ “ประชาธิปไตย” ด้วยการเลือกตั้งแล้ว ก็ยังผิดปกติอยู่ดีค่ะ เพราะในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2562 พรรคพลังประชารัฐที่เสนอชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ นั้นได้จำนวนที่นั่งเพียง 116 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคเพื่อไทยได้จำนวน 136 ที่นั่ง
พรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลได้ด้วยการรวมเสียงพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก และอาศัยคะแนนเสียงจาก ส.ว. อีก 250 คนในการโหวตพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ กลเกมครั้งนั้นทำให้คนไทยต้องทนอยู่กับประยุทธ์ถึง 9 ปี

เอาเป็นว่า คุณพิธาจะได้หรือไม่ได้เป็นนายกฯ เราก็อย่าเพิ่งหมดศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยค่ะ
ยิ่งเรายืนหยัดในความถูกต้อง เราก็จะได้รู้ว่าใจของคนที่แท้ยังยิ่งใหญ่ ตราบใดความหวัง ยังไม่จางหายไป เมื่อนั้น ใจจะไม่แพ้ และในวันนี้ เธอนั้นจงหยัดยืน และลุกขึ้นอีกครั้ง ด้วยพลังในหัวใจ อย่าไปยอมแพ้ให้กับปัญหาใดใด จงพร้อมจะอดทนก้าวไปสู่หนทางที่ฝันใฝ่ด้วยตัวเอง (เฟดซาวด์ลงช้าๆ)