วันนี้ชีโหจะพาชมบ้านค่ะ เป็นบ้านที่ชีโหพำนักอยู่มาชั่วกัปชั่วกัลป์ ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ
บ้านของชีโหอยู่ในหมู่บ้านชื่อ “โลกบิดร” แรกเริ่มเดิมทีเจ้าของชาวอินเดียสร้างหมู่บ้านนี้ไว้ให้คนตายไปอยู่รวมกัน มีพระยมเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ย้ายเข้าอยู่หลังตาย ต่อมาพระยมก็รับตำแหน่งผู้จัดการหมู่บ้านด้วย

ค่าบำรุงรักษาโครงการจะจ่ายด้วยเงินแบบหมู่บ้านอื่นไม่ได้ค่ะ ลูกบ้านต้องจ่ายด้วย “กรรม” กรรมในที่นี้หมายถึงการทำพิธีกรรมบูชายัญ ซึ่งต้องให้ลูกหลานหรือญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ทำให้
ต่อมาเจ้าของหมู่บ้านเห็นว่า รูปแบบโครงการเริ่มล้าหลัง ไม่ทันสมัย ไม่ตอบโจทย์สภาพสังคมที่ขยายใหญ่ขึ้น จึงเชิญสถาปนิกคนใหม่ชื่อ “พุทธ” มาช่วย
พุทธนำแนวคิดเกี่ยวกับจริยธรรมเข้ามาใช้ สร้างระบบการลงโทษและการให้รางวัลเพื่อเลียนแบบโลกของคนเป็น จึงเกิดการแยกระหว่างคนตายที่ทำดี กับคนตายที่ทำชั่ว หมู่บ้านโลกบิดรของคนตายก็จึงค่อยๆ เปลี่ยนสภาพกลายเป็นแหล่งรวมคนบาปคนทำชั่วแทน เป็นการโซนนิ่งหมู่บ้านไปในตัว
คนที่จะเข้ามาอยู่ถูกคัดเลือกด้วย “กรรม” แต่ว่าแตกต่างจากสมัยก่อนตรงที่ ตอนนี้กรรมหมายถึงการกระทำ ทำดีก็นับเป็นกรรมดี ทำชั่วก็นับเป็นกรรมชั่ว เหมือนที่เคยพูดไว้ในไกลบ้านตอนหนึ่งว่า อยากเจอชีโหให้ทำบาปทำชั่วเยอะๆ
หมู่บ้านโลกบิดรเมื่อเปลี่ยนสถาปนิกแล้วก็เปลี่ยนชื่อด้วย เป็นหมู่บ้าน “นิระยะ” หรือที่ลูกบ้านยุคต่อมาเรียกติดปากว่า “นรก”
ผู้จัดการยังคงเป็นพระยมเหมือนเดิม แต่ตอนนี้พระยมไม่ใช่ชื่อเฉพาะอีกต่อไป กลายเป็นชื่อตำแหน่งแทน เพราะสถาปนิกชาวพุทธเชื่อว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แปรเปลี่ยนหมุนเวียนเสมอ พระยมก็เช่นกัน เมื่อพระยมคนนี้หมดวาระ พระยมคนใหม่ก็ขึ้นมาดูแลหมู่บ้านแทน
ในหมู่บ้านนรกมีบ้านหลากหลายแบบให้เลือกจับจอง ตามกำลังบาปของแต่ละบุคคล มีทั้งในโซนนรกร้อนและโซนนรกเย็น ให้พูดตอนนี้ก็คงพูดไม่หมด
ชีโหเป็นคนขี้ร้อนเลยเลือกจับจองโซนนรกเย็นเป็นที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังเป็นคนค่อนข้างพิถีพิถันเลยเลือกอยู่ในโซน “โลกันตะริกะ” ฝั่งนรกเย็นที่แยกออกมาเป็นส่วนตัว คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อ “โลกันตะนรก”

โลกันตะนรกสร้างขึ้นภายหลังและตั้งอยู่นอกขอบกำแพงจักรวาล เข้าไปเดินชมแล้วถึงกับเหนื่อยหอบ เพราะพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางถึง 8,000 โยชน์ มีคูล้อมเป็นรูปวงรี ลึกจนหาพื้นน้ำไม่เจอ ด้านบนก็สูงเป็นปล่องขึ้นไปจนถึงพรหมโลก
แต่เสียดายที่มีข้อเสียนิดหน่อยคือไฟยังเข้าไม่ถึง มองไม่เห็นอะไรเลย มืดสนิทเหมือนหลับตา แสงเดือนแสงตะวันก็ส่องไม่ถึงเพราะอยู่นอกกำแพงจักรวาล เป็นนรกเย็นที่หนาวยะเยือก
แต่ก็จะมีวาระโอกาสที่แสงส่องถึงอยู่บ้าง ได้แก่
- เมื่อพระโพธิสัตว์บรรลุธรรม
- เมื่อท่านเสด็จลงไปปฏิสนธิในครรภ์พระมารดา
- ตอนคลอดออกจากครรภ์
- ตอนที่พระพุทธเจ้าเทศนาธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร
- ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่นิพพาน
เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ แสงจะสว่างวาบทำให้มองเห็นได้ แต่ก็มองเห็นได้แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
สำหรับการคัดเลือกลูกบ้านก็ไม่มีอะไรมาก ขอให้เทคนิคชนะใจผู้ดูแลโครงการไว้ว่า ขอแค่ทำร้ายพ่อแม่ สมณพราหมณ์ ผู้มีศีล และยุยงพระสงฆ์ให้ตีกัน ก็จะได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาอยู่ในโครงการนี้แล้ว
ย้ายเข้าอยู่ไม่ยากแต่เมื่อย้ายมาแล้วรูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไป ตัวจะยืดสูงสัก 6,000 วา เล็บมือเล็บตีนยาวใหญ่เอาไว้เกาะกำแพงจักรวาล ห้อยหัวลงเหมือนค้างคาว
เวลาหิวก็ไต่กำแพงจักรวาลในความมืดไปเรื่อย ๆ จับอะไรได้ก็คว้ามากิน คว้าไปคว้ามาตกคูรอบโครงการ เจอะความเย็นสบายของน้ำให้พอได้สดชื่น แล้วร่างก็จะแหลกสลายและกลับมาเกิดใหม่ตามผลกรรม กลับขึ้นไปเกาะกำแพงจักรวาลวนอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะใช้กรรมหมด
เพราะพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องไม่ถึงมองไม่เห็นใคร ชีโหเลยคิดว่า ทั้งหมู่บ้านมีเราอยู่คนเดียว หิวขึ้นมาก็คว้าสัตว์นรกแถวหมู่บ้านมากิน แต่หนังเหี่ยวเหนียวเหมือนถุงใต้ตายายข้างบ้านเลยบ้วนทิ้ง
พอมีแสงส่องวาบเพราะพระโพธิสัตว์บรรลุธรรมถึงได้มองเห็นว่า ที่กัดเข้าไปเป็นเนื้อเหี่ยวๆ ของพี่ป้อง ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ไหน คนมีศีลเสมอกันก็ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี “I feel like home in hell”

รอบนี้เท่านี้ก่อน รอบหน้าชีโหจะเล่าเรื่องอะไร รอติดตามนะคะ
ผลงานที่ผ่านมาของชีโห