iPhone 15 จะออกแล้ว เดี๋ยว iPhone 16 ก็จะออกอีก แล้วก็จะมีรุ่นใหม่ๆ ออกมาอีกเรื่อยๆ แฟนๆ ที่ใช้ไอโฟนมาตลอดและไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนไปค่ายอื่นอาจมีคำถามในหัวเหมือนๆ กันว่า ทำไม iPhone มันแพงขึ้นทุกปีเลยวะ

 ใช่ ผมก็คิดเหมือนกับทุกคน ล่าสุด iPhone 14 Pro Max รุ่นเริ่มต้นก็ปาเข้าไปเกือบ 45,000 บาทแล้ว ถ้ายังอยากใช้ iPhone อยู่แต่ไม่อยากเจอค่าเครื่องสุดโหดแบบเต็มๆ ต้องทำไง มาดูกันครับ

รู้ก่อนว่า รุ่นใหม่จะออกเมื่อไหร่

iPhone รุ่นใหม่ (รวมถึง apple watch) มีกำหนดการเปิดตัวใหม่ทุกปีในเดือนกันยายน (ยกเว้นช่วงโควิดที่ไปออกเดือนตุลาคม) ไม่เกินสัปดาห์ที่สอง ส่วนใหญ่เป็นวันอังคารหรือพุธ และเริ่มวางขายสำหรับกลุ่มประเทศแรก (Tier 1) ในวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป เช่น ปี 2022 iPhone 14 ประกาศเปิดตัววันพุธที่ 7 กันยายน และวางขายในวันศุกร์ที่ 16 กันยายน ซึ่งไทยก็อยู่ในกลุ่มแรกนี้ด้วย 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อไอโฟนเครื่องใหม่ จะอยู่ในช่วงแรกที่รุ่นใหม่ออก และแน่นอนว่าช่วงที่แย่ที่สุดคือช่วงเดือนสิงหาคม เพราะหลังประกาศรุ่นใหม่แล้ว ราคารุ่นเก่าจะตกทันที

ดังนั้น สำหรับ iPhone รุ่นใหม่แล้ว ยิ่งซื้อเร็ว ก็ยิ่งคุ้มค่า

❌ เลือกรุ่นที่ใช่ ✅ เลือกรุ่นที่ใช้

ต่อให้นานๆ เราจะซื้อไอโฟนเครื่องหนึ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องจัด Pro Max ตัวท๊อป หรือเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดก็ได้ ลองถามตัวเองก่อนเลือกว่า เรามีความจำเป็นต้องใช้ไอโฟนตัวท็อปมั้ย เราใช้จริงแค่ไหน ซื้อมา 40,000 แต่ใช้อยู่ 5,000 หรือเปล่า ปัจจุบัน iPhone ตั้งแต่ 14 Series จะมีทั้งหมด 4 รุ่น 

ซึ่งรุ่นจอใหญ่จะแพงกว่ารุ่นจอเล็ก และรุ่น Pro จะแพงกว่ารุ่น Consumer ในความจุเท่ากันเสมอ 

ดังนั้น คิดก่อนว่าเราใช้คุ้มจริงๆ มั้ยกับสิ่งที่จะจ่าย ถ้าต้องการฟีเจอร์ปกติ ไม่ได้ต้องการกล้องสามตัว ก็ไป iPhone 14 แต่ถ้าอยากได้จอใหญ่หน่อยก็จัดรุ่น Plus ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อรุ่นแพงสุดเสมอไป

อีกด้านหนึ่ง นอกจาก iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดแสนแพงแล้ว ยังมีอีกสองทางเลือกที่น่าสนใจ

iPhone SE หรือ Special Edition

เป็นรุ่นที่ไม่ได้ออกใหม่ทุกปี จอเล็ก ราคาประหยัด เริ่มต้นที่ 17,900 บาท ต่ำกว่า iPhone 14 ถึง 15,000 บาทเลย 

หน้าตาจะเหมือนรุ่นเก่าๆ แต่ไส้ในจะเป็นเครื่องรุ่นใหม่ ชิปใหม่ อย่าง iPhone SE (3rd Generation) ที่ออกปี 2020 

ถึงหน้าตาจะเหมือน iPhone 8 แต่ก็ใช้ชิป A15 Bionic รุ่นเดียวกับ iPhone 13 – 14 รับรองว่าถึงหน้าตาจะไม่ใหม่ แต่ก็เร็ว แรง พอๆ กับ iPhone 14 เลย

iPhone รุ่นก่อนหน้า

ล่าสุด iPhone 14 ที่ออกใหม่ก็ใช้ชิป A15 Bionic เหมือน iPhone 13 เอ้า! แสดงว่าจริงๆ แล้วข้างในมันเหมือนกันน่ะสิ ใช่ครับ นอกจากดีไซน์ที่ปรับเล็กน้อย และกล้องที่ต่างกันเล็กน้อย ที่เหลือแทบไม่ต่างกันเลย 

แต่ราคาของ iPhone 13 กลับถูกกว่า 3,000 บาท (และถ้าเป็นรุ่น mini ราคาถูกกว่าถึง 8,000 บาท) ซึ่งจริงๆ ถ้ามันเป็นชิปเดียวกัน โดยปกติแล้วประสิทธิภาพการใช้งานก็จะใช้งานได้ไม่ต่างกันเลย

นอกจากนี้ เครื่องมือสอง หรือเครื่องร้านตู้ก็จะได้ราคาที่แตกต่างกันไปอีก แต่ส่วนนี้ขอพูดถึงในหัวข้อสุดท้าย โปรลับ! เครื่องตกรุ่น อีกทีนะ

เลือกแพคเกจ ซื้อผ่านเครือข่าย

เมื่อได้ไอโฟนรุ่นที่ใช่ เอ้ย ใช้ แล้ว การซื้อเครื่องที่จะได้ราคาถูกกว่าเครื่องเปล่า ก็คือเครื่องที่ซื้อผ่านเครือข่ายทั้งแบบติดสัญญาและไม่ติดสัญญา 

ซึ่งแต่ละเครือข่ายจะมีราคาใกล้เคียงกันมาก (หรือเท่ากัน) แต่ก่อนจะไปดูราคา เราควรพอรู้เงื่อนไขของสัญญาคร่าวๆ กันนิดนึง เช่น

ปกติ 1 คน สามารถซื้อได้ไม่เกิน 2 เครื่อง

สัญญาแพคเกจ จะมีทั้งแบบ 12 เดือนและ 24 เดือน แต่ระหว่างอยู่ในสัญญา ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนไอโฟนไม่ได้นะ แต่ถ้าจะซื้อเครื่องที่สองเราต้องรอให้พ้น 90 วันแรกก่อน

ปกติ iPhone ในไทย ต่อให้ซื้อแบบติดสัญญาก็จะใช้งานได้ทุกค่าย ไม่ล๊อคเครื่อง

รายละเอียดของแต่ละสัญญาก็แตกต่างกันไป ก่อนซื้อก็อยากให้ศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนนะครับ

ทีนี้ ราคาเครื่องของ iPhone ที่ซื้อกับเครือข่าย จะขึ้นอยู่กับราคาของแพ็กที่ใช้งาน และอายุการใช้งานของแต่ละคน ถ้าแพ็กราคาสูง เครื่องต้องถูกกว่า 

อันนี้เราเองก็ต้องเลือกแพ็กที่เหมาะกับการใช้งานจริงๆ สำหรับผมเอง แพ็กรายเดือนราคาสูงไม่น่ากลัวเท่ากับแพ็กราคาต่ำ แต่จบเดือนแล้วต้องมาจ่ายเพิ่ม อันนี้จะวางแผนยากกว่า

ราคาของ iPhone 14 จากแอปเปิ้ลคือ 32,900 บาท ขอยกตัวอย่างจากค่ายสีเขียว ที่ให้ส่วนลดเริ่มต้น 4,000 บาทสำหรับเครื่องเปล่า และลดถึง 7,200 บาทสำหรับแพ็กเกจ 599 บาทต่อเดือน ไปจนถึงส่วนลด 11,800 บาท สำหรับแพ็กราคาสูงสุด

เครื่องเก่ามีค่า อย่าเก็บไว้เฉยๆ

จริงๆ ไอโฟนที่ใช้งานมาประมาณ 1 ปี หมดประกันแล้ว ราคาจะตกลง 30-40% และเมื่อเวลาผ่านไป ราคาก็จะตกลงอีกเรื่อยๆ (เหมือนกับรถยนต์ฝั่งยุโรปที่ราคาขายต่อจะลดลงทันที) จุดที่ราคาขายต่อคุ้มที่สุด คือเมื่อใช้งานครบ 1 ปี หมดประกันเรียบร้อยพอดี ซึ่งแนะนำให้ขายต่อทันทีหลังจากได้เครื่องใหม่มา โดยวิธีการก็มีสองแบบคือ

• ใช้บริการ Trade-in ของเครือข่ายมือถือ หรือ apple เอง บริการดีกว่าเพราะบางครั้งมารับเครื่องถึงบ้าน และราคาเป็นมาตรฐาน
• อีกทางคือขายต่อให้ร้านตู้ ส่วนใหญ่แล้วราคาขายต่อร้านตู้จะดีกว่า แต่ก็ต้องไปเดินถามและต่อรองกันนิดนึง

จุดสำคัญคือ สภาพเครื่องต้องดี และอุปกรณ์ครบ มีกล่องที่ยังใหม่ ผมเองก็แทบไม่ได้แตะอุปกรณ์ในกล่องอื่นๆ เลยนอกจากตัวเครื่อง เพราะจะซื้อสายชาร์จแยกเอาไว้อยู่แล้ว

ประเมินความคุ้มค่า

จากประสบการณ์ ผมลองประเมินความคุ้มค่าจากการซื้อเครื่องใหม่ ขายเครื่องเก่า

• ซื้อ iPhone 14 Pro 128 GB ผ่านเครือข่าย (ได้รับ Cash Back จากบัตรเครดิตอีกนิดหน่อย)
• ขาย iPhone 13 Pro 128 GB อายุ 1 ปี กับร้านตู้ที่ MBK

ราคาส่วนต่างอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ถ้าผมใช้ iPhone 14 Pro เครื่องนี้ต่อไปอีก 1 ปี แปลว่าผมจ่ายค่าเครื่องนี้จริงๆ ตกเฉลี่ยเดือนละ 400 กว่าบาทเท่านั้น สำหรับผมถือว่าคุ้มมากๆ นอกจากจะได้ใช้เครื่องรุ่นที่อัพเดททุกปีแล้ว เรายังมีประกันเครื่องในปีแรกเสมอ ป้องกันค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างปี และยังเป็นการส่งต่อเครื่องเก่าไปในตลาด ไม่ได้เก็บเครื่องนี้ไว้เฉยๆ ด้วย

สรุปแล้ว เราต้องรู้ก่อนว่ารุ่นที่เหมาะกับเราคือรุ่นไหน ช่วงเวลาในการซื้อต้องเหมาะสม ซื้อผ่านเครื่อข่ายที่ได้ส่วนลด และขายเครื่องเก่าเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายของเครื่องใหม่ ถ้าทำได้แบบนี้แล้ว เราก็สามารถซื้อไอโฟนให้ได้คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ

โปรลับ! เครื่องตกรุ่น ใหม่แกะกล่อง ประกันเต็มปี

จริงๆ นอกจากช่องทางการซื้อของแอปเปิ้ลและผ่านเครือข่ายแล้ว ถ้าใครที่ไม่ได้ต้องการใช้เครื่องรุ่นใหม่ตลอดเวลา ขอแนะนำอีกทางเลือกคือ เครื่องตกรุ่น ยิ่งเป็น iPhone 13 หรือ 13 Pro ถือว่าเป็นเครื่องตกรุ่นที่ยังใช้งานได้ดีมากๆ เพราะใช้ชิปตัวเดียวกับ 14 เป๊ะๆ และทุกครั้งที่มีเครื่องตกรุ่น ร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่าย หรือร้านตู้ต่างๆ ก็จะมี Stock คงค้างที่ต้องเคลียร์ออก ตรงนี้แหละครับคือช่องทางที่เราจะได้เครื่องมาในราคาที่ดีมาก

หลังจากเครื่องรุ่นใหม่ออกแล้ว เครื่องตกรุ่นที่เป็น Stock คงค้างที่ยังไม่ได้แกะซีล จะมีศักดิ์และสิทธิ์แบบเครื่องมือ 1 ทุกอย่าง รวมถึงประกัน 1 ปีเต็มจากแอปเปิ้ล ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเมนู Settings ในเครื่องเลย แนะนำให้ลองดูร้านที่มีรีวิวโอเค แล้วเลือกดูได้เลยครับ คุ้มค่าแน่นอน

ผลงานที่ผ่านมาของพี่แม็ค